วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558

มหากาพย์ เมื่อเด็กอึเป็นมูก : ตอนที่ 8 ตรวจอึวันที่ 6 เมษายน 2558(4M11D)

กินนีโอเคทล้วนนี่เป็นอะไรที่เปลืองมากมาก เพราะป๋องนึง 400 กรัม กินได้แค่ 3-4 วันเท่านั้น เดือดร้อนต้องไปหาซื้อมาเพิ่ม สรุปว่า ระยะเวลาที่กินนีโอเคทนั้น เป็นเวลา 12 วัน ใช้นมไป 3 ป๋อง T____T

ช่วงนั้นถือว่าจิตตกขั้นสุด จากปกติที่ลูกต้องจุ๊บนมจากเต้าล้วน กลายเป็นสลับมื้อกะนีโอเคท ตอนนี้ขวดล้วน เป็นอะไรที่เศร้าใจมาก ใครที่เคยอยู่ ณ จุดนี้ จะเข้าใจมาก ว่าความรู้สึกนั้นเป็นยังไง ลูกกินนม เราต้องมานั่งปั้มนม แทนที่จะให้ลูกดูดเต้า อาทิตย์นึงผ่านไป เหมือนนานเป็นปี ไม่ได้เว่อวัง แต่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ แต่ก็พยายามจะรักษารอบการปั้ม เพื่อไม่ให้นมลด ป้าหมอแนะนำว่าให้อนุญาติให้ลูกดูดเต้าได้ วันละ 1-2 ครั้ง เพื่อกันลูกลืมเต้า แต่ แต่ แต่ แต่ มีข้อแม้ว่า ตอนที่ลูกดูดนั้น ต้องเต้าเหี่ยวๆเท่านั้น เป็นเต้าที่เอานมออกไปจนหมดแล้ว แต่แล้วลูกก็มีเขว ลืมเต้า เพราะตอนที่ให้ดูดนั้น นางร้องไห้ ถีบๆๆๆๆ หันหน้านี้เต้า โอยยยย อิแม่จะบ้า ปัญหาใหม่เกิด เอานมยัดปากลูกไปร้องไห้ไป


ระหว่างนี้เราก็มาดูอึกันพลางๆ 55 ช่วงที่กินนีโอเคทเป็นอะไรที่ทรมานลูกตอนเบ่งอึมาก นางร้องไห้อย่างมาก พยายามที่จะเบ่ง น่าสงสารมากๆ

ตอนเบ่งอึ อันนี้ไม่รู้จะฮาหรือจะสงสารดี 55

รวบรวมอึแต่ละวันที่บันทึกไว้

























 ณ ตอนนั้น แม่ก็ยังงดเข้มอยู่ โดยที่ช่วงเวลานั้นไม่มีกะจิตกะใจจะกินอะไรเลย กินแค่ให้มันอยู่รอดไปวันๆเท่านั้น ทำกับข้าวทีนึงให้กินได้ไปทั้งอาทิตย์ กินเมนูเดิมทุกมื้อ ทุกวัน ติดกันเป็นเวลาเกือบสองอาทิตย์ เมนูคือ หมูสับผัดใส่น้ำตาล เกลือ อีกเมนูนึงคือ สันคอหมักเกลือกริลบนกะทะเทฟล่อน บอกตามตรงว่าไม่อยากกินเลย มันหมดกำลังใจ เหนื่อยใจ ท้อใจ สารพัด น้ำหนักก็ลดเอ๊าลดเอา เหลือ 47 แล้วหัวโตมากๆ ที่ออฟฟิศมีแต่คนทักผอมจังเลย อิจฉา ได้แต่บอกว่าอย่าอิจฉาหนูเลย ถ้ารู้ว่าหนูกินไรได้บ้าง T_T เศร้า



อาหารประทังชีวิต


เมื่อถึงวันนัด โชคก็ไม่เข้าข้างคนเป็นแม่อีกครั้ง เม็ดเลือดขาวยังเยอะเท่าเดิมอยู่ ป้าหมอบอกว่าอาจจะแพ้นีโอเคทก็เป็นได้ ฮรืออออออ แม่น้ำตาจะไหล ป้าหมอให้เปลี่ยนจากนีโอเคทมาเป็นนูทรามีเจน เอเอ สลับกับนมแม่ แถมป้าหมอยังขู่อีกว่า ถ้าหากไม่ดีขึ้นอีก อาจจะได้ไปกินนมที่นำเข้าจากต่างประเทศนะเออ โอยยย ได้ยินเช่นนี้แล้วขอสลบแพ๊บ

ผลอึวันที่ 6 เมษายน 2558 : กินนีโอเคทล้วน 12 วัน

เจอกันอีกที 1 อาทิตย์ ลุ้นกันตัวโก่ง
 

วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558

มหากาพย์ เมื่อเด็กอึเป็นมูก : ตอนที่ 7 ตรวจอึวันที่ 25 มีนาคม 2558(3M30D)

ระหว่างที่ลูกกินนีโอเคทผสมนมแม่ ก็มีอาการนอยด์เป็นระยะ ระยะ ดราม่าบ้าง อะไรบ้าง น้ำตาไหล จิตอ่อนแอ บันทึกจำนวนครั้งและรูปที่ลูกอึ ถามสามีแบบละเอียดยิบว่าอึเป็นยังไง เยอะไหม มูกไหม ยืดไหม สีอะไร กลิ่นเป็นยังไง วันนี้อึยัง อึไปกี่รอบแล้ว เนื่องจากอิแม่มาทำงานแล้ว ส่วนพ่อทำงานอยู่ที่บ้านดูลูกด้วย วันไหนไม่อึนี่แทบจะจุดพลุฉลอง จะหมดวันแล้วลูกยังไม่อึ กระซิบข้างๆหูลูกบอกว่า อย่าเพิ่งอึนะลูก 55555






ปล. อึวันที่ 21/3/15 ดูดีนะ ได้แต่หวังว่าจะรอดดด

ถึงวันนัดด้วยอารมณ์เดิมๆ คือ ลุ้น กลัว ตื่นเต้น กลัวว่าจะไม่ผ่าน และก็ผิดหวัง เพราะค่าเม็ดเลือดขาวยังเยอะคงเดิม สม่ำเสมอ อาร๊ายก๊านนนนนนนนน มึน อึน เหมือนโดนสตั๊น ป้าหมอบอกว่า คราวนี้ขอเป็นนีโอเคทล้วนจ้าาาาา น้ำตาจะไหล เจอกันครั้งต่อไป



ผลอึวันที่ 25 มีนาคม 2558


มหากาพย์ เมื่อเด็กอึเป็นมูก : ตอนที่ 6 ตรวจอึวันที่ 17 มีนาคม 2558(3M19D)

และแล้วก็มาถึงวันนัดติดตามผลหลังจากที่แม่งดเข้ม ในเต้นตุ้มๆต่อมๆ กลัวผล

ในระหว่างที่แม่งดเข้มเป็นอะไรที่โหดร้ายมาก เห็นอะไรก็อยากกินไปหมด ต้องทำกับข้าวแบกไปกินที่ทำงานเอง จากปกติเป็นคนที่เรื่องมากกับการกินมาก กินกับข้าวซ้ำกันได้มากสุด 2 มื้อ แต่ตอนนี้ต้องกินเหมือนกันทุกมื้อ เศร้าใจสุดๆ เดินมาออฟฟิศ ต้องพอกับข้างทางที่ขายของกินที่แต่ก่อนเดินแวะซื้อเกือบทุกร้าน ลูกชิ้นทอดร้านประจำ น้ำชงๆ โจ๊ก หมูทอด หมูย่าง ขนมหวาน แซนวิช ข้าวไข่เจียว ก๋วยเตี๋ยว ชีวิตช่างโหดร้าย

ดูจากสภาพอึแล้วไม่น่าผ่าน แต่ก็ยังแอบหวังเล็กๆ ผลสรุปว่าไม่ผ่านคร่าาาาา เม็ดเลือดขาวเยอะกว่าเดิมอีก อะไรว๊าาาาา ขนาดงดเข้มขนาดนี้ ไม่ดีขึ้นบ้างเลยหรอ ความเครียดเริ่มครอบงำ ป้าหมอบอกว่านั้นงวดนี้ขอให้กินนีโอเคทสลับมื้อกับนมแม่ มื้อเว้นมื้อนะคะ น้ำตาไหลพราก กลับบ้านมาด้วยความมึน อึน ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะให้ลูกกินนมผง ฮรือออออออ น้ำตาจะไหลอีกครั้งเมื่อจ่ายเงินกลับบ้าน พบว่า นีโอเคทที่ รพ.จ่ายนั้น กระป๋องละ 2250 บาท แทบกระอักเลือด (ข้างนอกขายประมาณ 1500 นะคะ เท่าที่หาได้)

เจอกันใหม่อีกประมาณ 1 สัปดาห์ ลุ้นผลอีกตามเคย

ผลอึวันที่ 17 มีนาคม 2558

วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2558

มหากาพย์ เมื่อเด็กอึเป็นมูก : ตอนที่ 5 ตรวจอึวันที่ 6 มีนาคม 2558(3M8D)

งดเข้มก็แล้ว ยังไม่เป็นผล ยังคงถ่ายมูกและมู๊กมูกอยู่ และมีเลือดประปราย


จึงมีโอกาสได้ไปหาป้าหมอสุธีรา ครั้งแรกจับตรวจอึและส่งเพาะเชื้อ ผลอึออกมาเจอเม็ดเลือดขาวเยอะเลย ป้าหมอบอกว่ารอผลเพาะเชื้อยืนยันก่อน ถ้าไม่ขึ้นเชื้อแสดงว่าแพ้อาหาร แต่ถ้าขึ้นเชื้อแสดงว่าติดเชื้อ

ผลอึ

ป้าหมอบอกว่าให้แม่ลองงดเข้มปี๋ๆ 1 อาทิตย์แล้วมาดูผลกันอีกครั้ง โดยที่ให้เลือกกินดังนี้
ข้าว : ข้าวเสาไห้
เนื้อสัตว์ : หมู หรือ ไก่
ผัก : ฟัก ผักกาดขาว น้ำเต้า
เครื่องปรุง : เกลือ น้ำตาล
น้ำมัน : น้ำมันรำข้าว
ผลไม้ : ฝรั่ง สาลี่ มันแกว ลูกแพร์

ป้าหมอยังบอกแนวทางการรักษาด้วยค่ะว่า
step แรก ให้แม่งดเข้ม ตรวจอึแล้วยังไม่ดีขึ้น ก็ไป step 2
step 2 ต้องให้นมพิเศษนีโอเคทผสมนมแม่ มื้อสลับมื้อ ถ้ายังไม่ดีขึ้นอีกก็ไป step ถัดไป
step 3 นีโอเคทล้วนแล้วจ้าาาาาา

ได้แต่ภาวนาว่าขอแค่ step แรกแล้วจบนะ

อีก 3 วันต่อมา ป้าหมอโทรมาบอกผลเองเลยว่า ผลไม่ขึ้นเชื้อจ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

อิแม่ก็กินตามที่ป้าหมอแนะนำทุกประการ แต่มีอยู่วันนึงลองลูกแพร๋ เช้ามาลูกอึมีเลือดมาเลยจ้า หลอนเลย หยุดกินอย่างทันที ไม่รู้ใช่ป่าว แต่ก็ไม่กล้ากินเลย ส่วนอึก็ยังคงเป็นมูกสม่ำเสมอ เพลียข่าาาาา



 นัดครั้งต่อไป 17 มีนาคม 2558 เผื่อติดตามอาการ

มหากาพย์ เมื่อเด็กอึเป็นมูก : ตอนที่ 4 เจาะเลือดดูค่าแพ้อาหารแบบเฉียบพลัน

หลังจากที่ได้เข้าไปสิงใน ชมรมรักเด็กขี้แพ้ (อาหาร) ก็เลยลองไปหาคุณหมอนวลอนงค์ดูซะหน่อย คุณหมอท่านเชี่ยวชาญเรื่องภูมิแพ้ในเด็ก อิแม่พาลูกไปหาที่ รพ.ธนบุรี 2 คุณหมอเข้าวันพฤหัส 17.00-19.00 โทรไปนัดคิวไว้หน่อยก็ดี แต่ว่าใครไปถึงก่อนก็จะได้คิวก่อน ไปหาก็เล่าอาการให้คุณหมอฟัง คุณหมอแนะนำว่าให้เจาะเลือดแล้วก็ทำ patch test ดู (อันนี้ทำได้เฉพาะที่คลินิคคุณหมอนะคะ อยู่แถวสมาคมปักษ์ใต้)

แผนที่และเบอร์โทร
วันนั้นเลยได้เจาะเลือดแบบงงๆ สงสารลูกมากกก ร้องไห้ใหญ่ พยาบาลถามว่าคุณแม่อยู่ดูได้ไหม เรารีบส่ายหน้าเลย พยาบาลเลยบอกว่านั้นแม่ออกไปรอข้างนอกนะคะ หลังจากนั้นไม่นานเสียงลูกร้องไห้ก็ดังตามออกมา ใจแม่จะสลาย สงสารลูก T____T พยาบาลอุ้มออกมาพร้อมกับน้ำตาอาบหน้า สงสารจัง

หลังจากเจาะเลือดเสร็จก็จ่ายตังค์กลับบ้าน รอผล 1 อาทิตย์ ค่าใช้จ่าย 6 พันกว่าบาท ค่าเจาะตัวละ 950 บาท แพงโฮกกกกกกกกกกกกกกกกกก พออาทิตย์นึงก็ไปรับผล ปรากฏว่าผลไม่ขึ้นเลยสักตัว คุณหมอแนะนำว่าให้ทำ Patch test แต่จนถึงป่านนี้ยังไม่ได้ไปทำสักทีเลย

ผลเจาะเลือด

โดยที่ระหว่างนี้แม่ก็งดเข้มอยู่ โดยที่กินแค่ข้าว หมูไก่ ปรุงรสเกลือ น้ำตาล ผักกาดขาว สาลี่ ฝรั่ง แต่อึก็ยังเป็นมูกอยู่ดี แม่ละเพลียจริงๆ


มหากาพย์ เมื่อเด็กอึเป็นมูก : ตอนที่ 3 ตรวจอึครั้งที่ 2 กับมีจุดเลือด วันที่ 29 มกราคม 2558(2M3D)

มหากาพย์ เมื่อเด็กอึเป็นมูก : ตอนที่ 1 เริ่มสังเกตุว่าอึไม่ปกติ
มหากาพย์ เมื่อเด็กอึเป็นมูก : ตอนที่ 2 ตรวจอึครั้งแรกวันที่ 30 ธันวาคม 2557(1M4D)

        เช้าวันที่ 29 มกราคม 2558 ลูกอึก็เปลี่ยนแพมเพิสตามปกติ พอเปลี่ยนเสร็จก็มาเพ่งอึลูก(เพ่งอึลูกทุกครั้งจนจมูกแทบจะทิ่มแพมเพิสอยู่แล้ว ทั้งวิเคราะห์เนื้ออึ ทั้งดมกลิ่น) หันไปเห็นจุดเลือด 1 จุด อิแม่ต๊กกะใจ รีบยัดแพมเพิสลงถุง แล้วเบิ่งรถไป รพ. เพื่อเอาอึไปตรวจ(หลังจากอึแล้ว เก็บไว้ได้ 2 ชม. นะแจ๊ะ)

อึเป็นจุดเลือดครั้งแรก



ผลตรวจอึ

        ในระหว่างที่คุยกับหมออยู่นั้น ลูกก็ได้เบ่งอึออกมาอีกครั้ง คุณหมอเลยเอาอึใหม่นั้นไปส่งตรวจ แต่ว่าผลก็ออกมาปกติเหมือนเดิม ค่าเม็ดเลือดขาวขึ้นที่ 0-1 ในระหว่างนี้ก็งดกลุ่มเสี่ยงมาโดยตลอด เลยตั้งใจว่า ต่อจากนี้จะลองงดเข้มดูสักตั้งเผื่อลูกจะดีขึ้น(ก่อนหน้านี้ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย T__T หลังจากที่งดกลุ่มเสียงมานานเกือบเดือน)

มหากาพย์ เมื่อเด็กอึเป็นมูก : ตอนที่ 2 ตรวจอึครั้งแรกวันที่ 30 ธันวาคม 2557(1M4D)

จากเรื่องคราวที่แล้วเรามาเริ่มมหากาพย์เรื่องของอึกัน ใครยังไม่ได้อ่าน ตามไปที่ลิ้งค์นี้เลยค่ะ
มหากาพย์ เมื่อเด็กอึเป็นมูก : ตอนที่ 1 เริ่มสังเกตุว่าอึไม่ปกติ

     เริ่มจากวันที่ 30 ธันวาคม 2557 ได้ไปคลินิคนมแม่ที่ รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ เพื่อไปปรึกษาการให้นมลูก จึงได้ลองถามพี่พยาบาลว่าอึลูกนมแม่ล้วนที่เป็นมูกปกติไหม พี่พยาบาลบอกว่าอาจจะไม่ปกติ ต้องลองเอาอึไปตรวจดู พอออกจากคลินิคนมแม่เสร็จก็เลยลองไปตรวจอึดู รอนานมากกก  และคนเยอะมากก เมื่อรอผลออกมาคุณหมอบอกว่าปกติ และให้รอผลเพาะเชื้อ ก็ไม่ขึ้นเชื้อ พอคุณหมอบอกว่าปกติก็ไม่ได้คิดไรมากมายแต่อึตอนนั้นเป็นมูกนะคะ


ผลอึ 30/12/2014

ผลอึเพาะเชื้อ 30/12/2014

 แต่จากที่หาอ่านมาว่าให้ลองงดอาหารกลุ่มเสี่ยงดู เผื่อจะดีขึ้น แม่ก็ลองงดดูสิ เผื่อจะดีขึ้น

โปรตีนแปลกปลอม-อาหารกลุ่มเสี่ยง มีตามนี้ อ่านต่อ...
1. นมวัว
2. ถั่ว
3. ไข่
4. แป้งสาลี
5. อาหารทะเล

ก็งดตามนี้แต่ว่าไม่ได้จริงจังอะไรมาก พยายามที่จะเลี่ยงอาหารพวกนี้ ก็ยังไม่ได้ดี ยังอึเป็นมูก มีเนื้อบ้างไม่มีบ้าง ส่วนใหญ่จะไม่มี มีแต่น้ำๆมากกว่า และวันนึงอึมากกว่า 5-6 รอบ ไอ้เราก็นึกว่าปกติของเด็กนมแม่ 100% เพราะเท่าที่อ่านมาว่าจะอึเยอะ บ่อย ในช่วงเดือนแรก แต่พอหลังจากเดือนนึงมาแล้วจะอึห่างขึ้น เนื่องจากลำไส้เค้าทำงานได้ดีขึ้นแล้ว สามารถดูดซึมนมแม่ไปใช้ได้หมด โดยที่ไม่เหลือถ่ายออกมา

วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558

มหากาพย์ เมื่อเด็กอึเป็นมูก : ตอนที่ 1 เริ่มสังเกตุว่าอึไม่ปกติ


         อึเป็นมูก เริ่มมีอาการมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่แน่ใจ แต่เพิ่งเริ่มจะมาสังเกตุเมื่อตอนประมาณลูกอายุได้เกือบๆเดือน เลยลองไปเสิร์ชอากู๋ดูว่ามันไม่ปกตินะ เอาละสิ ความเครียดเริ่มครอบงำ หาอ่านอย่างเอาจริงเอาจัง ได้ความว่า อึเป็นมูกไม่ปกติ ให้ลองนำอึไปตรวจดูว่าเจอเม็ดเลือดขาวไหม ถ้าไม่เจอก็ไม่ผิดปกติ แต่ถ้าเจอให้สงสัยว่าแพ้อาหารผ่านนมแม่ แล้วก็ต้องเอาอึไปเพาะเชื้อดูด้วย ว่าขึ้นเชื้อไหม ถ้าขึ้นเชื้อแสดงว่าติดเชื้อ ให้ทานยาฆ่าเชื้อ แต่ถ้าไม่ขึ้นเชื้อ ก็คือแพ้อาหารผ่านนมแม่ ให้แม่ลองงดอาหารกลุ่มเสี่ยงดู อันได้แก่ นมวัว ถั่ว ไข่ อาหารทะเล แป้งสาลี เราก็เริ่มงดตั้งแต่นั้นมา แต่ไม่ได้เคร่งครัดอะไรมาก พยายามจะเลี่ยง แต่อึก็ยังเป็นเหมือนเดิม วันนึงถ่ายมากกว่า 4-5 ครั้ง บางทีก็ถ่ายเหลวๆ ไม่มีเนื้อปน ไม่มีอาการอื่นร่วม ไม่งอแง กินนมได้ปกติ น้ำหนักขึ้นตามเกณฑ์ ไม่มีผื่น
 
อึที่เป็นมูกๆ
อันนี้เป็นบทความของป้าหมอสุธีรา อ่านต่อ.....
"หากเป็นการตรวจอึครั้งแรกแล้วเจอเม็ดเลือดขาว ป้าหมอจะส่งเพาะเชื้อไว้ด้วยเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าเม็ดเลือดขาวนั้นเป็นจากการติดเชื้อ หรือ แพ้อาหารกันแน่ ผลเพาะเชื้อใช้เวลา 3 วัน ถ้าอาการเด็กดูไม่เหมือนติดเชื้อ เช่น ไม่ไข้ ไม่ซึม มีประวัติชัดเจนว่า เลี้ยงดูสะอาดอย่างดี ไม่มีใครเอาอาหารอื่นที่ไม่ใช่นมแม่ให้กิน ไม่มีประวัติน้ำอาบน้ำหรือเอาของสกปรกเข้าปาก ป้าหมอก็ยังไม่ได้ให้ยาฆ่าเชื้อ แต่ให้แม่สังเกตอาการถ้าดูซึมลง ค่อยให้ยาฆ่าเชื้อ หรือ ผลเพาะเชื้อกลับมาขึ้นเชื้อ ค่อยให้ยาฆ่าเชื้อ ประสบการณ์ 10 คนที่ส่งเพาะเชื้อ เจอติดเชื้อจริงแค่ 1 คน เป็นเชื้อที่มาจากน้ำ อาจกระเด็นเข้าปากตอนอาบน้ำ แต่ถ้ากลุ่มคนไข้ไม่ใช่เป็นโรงพยาบาลเอกชนแบบป้าหมอ ผลเพาะเชื้ออาจเจอปัญหาติดเชื้อมากกว่านี้ เจอปัญหาแพ้โปรตีนกลุ่มเสี่ยงน้อยกว่านี้ ก็ขึ้นอยู่กับกลุ่มประชากรที่เก็บข้อมูลด้วยนะคะ

ที่เหลือ 9 ใน 10 คน พบว่าผลเพาะเชื้อไม่ขึ้นเชื้อ แสดงว่าเป็นการแพ้อาหารที่ผ่าน ทางนมแม่ การรักษา คือ การให้คุณแม่คุมอาหาร และ ให้ยา Bioflor 1 ซอง เช้า/เย็น จนกว่าจะถ่ายปกติ ไม่ให้ในคนที่แพ้ยีสต์ เช่น กินแล้วอาเจียน ส่วน infloran ป้าหมอไม่แนะนำ เพราะมีนมวัวเป็นส่วนผสม"

 หลังจากนั้นมาก็บ้าระห่ำหาข้อมูลว่ามันอะไรยังไง จนได้ไปเข้าร่วม ชมรมรักเด็กขี้แพ้ (อาหาร) ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้แน่นมากกกกก อาการที่จะบ่งบอกได้ว่าแพ้อาหารมีดังนี้ (ข้อมูลอ้างอิงมาจากเอกสารชมรมนะคะ)
  1. ระบบทางเดินอาหาร ก็คือ ท้องเสีย(ถ่ายแทบทุกครั้งหลังกินนม หรืออาหาร) ถ่ายเหลว ถ่ายเป็นมูกหรือมูกเลือด อันนี้ลูกเราเป็นเลย กำลังดูดๆนมอยู่ อ้าว อึอีกละ เป็นแบบนี้มาตลอด
  2. ระบบหายใจ หายใจครืดคราด มีน้ำมูก เป็นๆ หายๆ ไม่หายขาด อาการเหมือนเด็กแพ้อากาศหรือแพ้ฝุ่น
  3. ทางผิวหนัง  เป็นผื่นขึ้น โดยเฉพาะที่หน้า คอ ข้อพับแขนและขา ถ้าเป็นมากๆ ก็ผื่นขึ้นได้ทั้งตัว ผิวแห้งและลอกได้ด้วย
และประเภทของภูมิแพ้ก็แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
  1. ภูมิแพ้แบบเฉียบพลัน (แพ้ผ่าน IgE) ภูมิแพ้แบบนี้เด็กจะเกิดอาการเร็วมากหลังกินอาหารที่แพ้เข้าไปไม่เกิน 24 ชั่วโมง (หรือน้อยกว่านั้น) คนที่เป็นเยอะ บางทีกินเข้าไปไม่นานก็มีอาการแพ้แล้วค่ะ  ภูมิแพ้แบบนี้ จะตรวจหาได้จากการเจาะเลือด หรือ ทำ skin test ซึ่งหมอส่วนใหญ่จะตรวจให้หลังเด็กขวบนึงค่ะ เพราะหมอบอกว่าหลังขวบให้ผลแน่นอนกว่า เราพาลูกไปเจาะเลือดตรวจกะคุณหมอนวลอนงค์ตอน 2 เดือน สงสารลูกมากกกกกก ไม่กล้าดูตอนเจาะเลือดเลย
     
     
  2. ภูมิแพ้แบบสะสม (non-IgE) แพ้แบบนี้ อาการจะเกิดหลังเด็กกินอาหารที่แพ้ติดๆกันหลายวัน หมอบอกว่าเด็กบางคนต้องกินติดกันเป็น 10 วัน อาการแพ้ถึงจะออกก็มีค่ะ ดังนั้นเวลาหมอให้ลองกินอาหารต้องสงสัย เขาจะให้ลองทีละอย่าง อย่างละอาทิคย์ ถ้าลองอย่างละ 2 อาทิตย์ยิ่งดี เพราะชัวร์สุดในการจะตรวจว่าเขาแพ้อาหารนั้นๆ หรือเปล่า การตรวจภูมิแพ้แบบนี้ จะใช้วิธี patch test ซึ่งโรงพยาบาลทั่วไปไม่ค่อยมีใครตรวจ เพราะเขาว่าผลมันไม่ค่อยแน่นอน แต่เราตรวจที่ศิริราช ซึ่งเขาทำน้ำยาทดสอบขึ้นมาเองด้วย ผลค่อนข้างเชื่อถือได้ เพราะออกมาว่าลูกเราแพ้ นม ไข่แดง ไข่ขาว และถั่วเหลือง ซึ่งก็เหมือนกับที่เราสังเกตุเองมาหลายเดือน ก่อนที่จะพาเขามาตรวจ
อันนี้ก็จะเป็นรายละเอียดคร่าวๆ แล้วจะมาเริ่มเรื่องกันในบลอคถัดไป เพราะอยากแยกเป็นครั้งๆที่ไปหาหมอหน่ะค่ะ ใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม แนะนำเลยให้เข้าไปที่ชมรมรักเด็กขี้แพ้(อาหาร) แล้วไปอ่านเอกสารของชมรม แทบจะตอบโจทย์ได้ทุกคำถาม เราเข้าไปอ่านทุกไฟล์เลย อ่านไปเลี้ยงลูกไป นอยด์ไป สารพัดสารเพ