วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

The first time in Japan ^_^ Day 1 & 2

มีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นมาเมื่อวันที่ 29 เม.ย. - 3 พ.ค. 2554 ที่ผ่านมานี้ค่ัะ
เลยอยากเขียนไว้เป็นที่ระทึก เอ๊ย ระลึก ~~~~~


ก่อนอื่นต้องเล่าความเป็นมาก่อนเลย ว่าทำไมถึงได้ไปกัน
เรื่องมีอยู่ว่าพี่สาวไปงานนึงที่จัดโดยสารการบิน Business Air
เจอทัวร์ไปญี่ปุ่นซึ่งราคาถูกม๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก (5 วัน 3 คืน) เจอราคาไปถึงกับร้อง "อุ๊ แม่เจ้าาาาาาา"

เสนอราคาที่ 15,000 บาท (ราคานี้ไม่รวมค่าวีซ่า ค่าวีซ่าจำไม่ได้ว่ากี่บาท ประมาณ 1,635 บาท มั้ง)

**ราคานี้สำหรับ agency เท่านั้นค่ะ และกรุ๊ปแรกของทัวร์นี้ด้วย หลังจากนี้เค้าน่าจะขายประมาณ 19,000 นะคะ ถ้าฟังมาไม่ผิด แล้วก็ราคานี้ไม่แน่ใจว่าจะใช้ได้ถึงเมื่อไหร่ด้วย ต้องลองสอบถามดู แต่ไกด์บอกว่าหลังจากกรุ๊ปของเี่ี่ราก็มีกรุ๊ปอื่นๆตามมาเรื่อยๆ มาเริ่มเดินทางกันเลยดีกว่าคะ

วันแรก ก็หมดไปกับการเดินทางแล้ววววว บินกับ Business Air
เครื่องออก 01:20

Let's go Japan

  • ขึ้นครื่องได้ที่ก็หลับตลอดทาง เมื่อยคอ เมื่อยหลังมากกก
  • พอเช้า เค้าก็ปลุกให้มากินข้าว เลือกกินคนละอย่างกะีำีพี่สาว แต่กินไ่ม่ค่อยลง เพราะว่าเพิ่งตื่น



เห็นญี่ปุ่นแว้ว

  • มีเจ้าหน้าที่ของการท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาต้อนรับด้วย พร้อมกับถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เค้าบอกว่า เราเป็นกรุ๊ปทัวร์จากไทยกรุ๊ปแรกที่มาเที่ยว หลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว

โฉมหน้าผู้ร่วมทริปทั้งหมด(อยู่ตรงกลางตลอด 55)


^_^

มาเริ่มเดินทางกับวันที่ 2 กัน วันนี้เราจะไปไหนกันบ้าง ตามมาเ้ล้ยยยย
NARITA - MT.FUJI 5TH RAMEN MUSEUM YOKOHAMA
  • เราออกเดินทางจากสนามบิน ขึ้นรถบัส เพื่อไปภูเขาไฟฟูจีกัน

คันนี้แหละ ที่พาเีราไปทุกที่เลย คนขับ(คุณทานากะ) น่ารักสุดๆ


ระหว่างทางเจอแต่รถเล็กๆคันน่ารักดี

  • แวะเข้าห้องน้ำ ที่จุดพักรถ ห้องน้ำสะอาดมากๆเลย เข้าไปก็จะเจอที่กดส้วมแบบนี้ สะดวกสบายเป็นที่สุด เวลานั่งก็จะอุ่นๆ ไม่ต้องสะดุ้งเหยงเหมือนบ้านเราเวลาหนาวๆ ฮาาาาา

กดมันทุกปุ่มเลย หนุกดี
  • แวะกินข้าวกันก่อนจ้า มื้อนี้เป็นเบนโตะ พร้อมอุด้งร้อนๆ

กินข้าวกันร้านนี้จ้าาาา


ไม่ค่อยหร่อยง่ะ


มีสตอเบอร์รี่ขายด้วย
  • อิ่มแล้วก็มุ่งหน้าสู่ภูเขาไฟฟูจีกันเลย เราได้ขึ้นถึงชั้น 5 ลมแรงมากๆๆ ถึงกับปลิว(ไม่ได้โม้นะ) หิมะยังคงมีอยู่ยังละลายไม่หมด พอลงจากรถกะว่าจะัเดินถ่ายรูปหน่อย มันยืนไม่อยู่คับ ต้องวิ่งๆ เข้าไปที่ร้านขายของ หลบลม ด้านหลังมีศาลเจ้า เข้าไปสักการะแล้วก็ออกมาถ่ายรูปนิดหน่อย หนาวมั่กๆ มือชาไปหมดเลย อยู่ได้ไม่นานเท่าไหร่ก็หนีขึ้นรถ เพราะว่ามันหนาวมากจริงๆ ใช้เวลาอยู่ที่ฟูจีไม่ถึงครึ่งชั่วโมง



  • หลังจากนี้เราก็มุ่งหน้าไปกินข้าวเย็นกันที่พิพิธภัณฑ์ราเมงที่เมืองโยโกฮาม่า รถติดมากจริงๆ เพราะว่าช่วงนี้เป็น golden week ทีญี่ปุ่น เค้าก็ทยอยออกไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน กว่าจะได้กินข้าวเกือบสองทุ่มแน่ะ ระหว่างนั่งรถก็หลับเอาแรงลูกเดียว

แวะจุดพักรถ หิวๆเลยไปจัดทาโกะมา สั่งไม่เป็นชี้เอาอย่างเดียว 555
  • ถึงสักทีที่กินข้าวของเรา Shinyokohama Raumen Museum ไกด์แจกตั๋วเข้าและก็ไปเลือกร้านได้ตามใจชอบ เค้าจะจัดสุดยอดอร่อยของร้านเค้ามาให้เรา ไม่มีสิทธิ์เลือกเมนุเองนะฮ้าฟฟฟฟ ที่นี่จะมีสองชั้น ไม่ใช่ชั้น 1 กะชั้น 2 นะ แต่เป็นชั้น 1 กะชั้นใต้ดิน เออ...แปลกเนอะ

บัตรเข้าพิพิธภัณฑ์ และบัตรกินราเมง


โฉมหน้าผู้หิวโหย



ระหว่างรอ นั่งมองเครื่องปรุงไปก่อน


มีน้ำแจกด้วย เอาบัตรที่คุณไกด์ให้มาไปแลก รสชาติเหมือนกับสไปร์ แต่หวานกว่า อร่อยดี ซ่าๆ มีลูกแก้วตรงคอขวดโด้ย



มาแล้วราเมงขึ้นชื่อของร้านนี้ โดยส่วนตัวไม่ชอบอ่ะ มันเค็ม



สองพี่น้อง

  • พอทานเสร็จก็นั่งรถกลับที่พัก จริงๆแล้วในแพลนต้องไปที่ China Town ด้วย แต่้ด้วยเวลาซึ่งกินข้าวเสร็จตอนประมาณ 4 ทุ่ม(ดึกโฮกกกกกกกกก เพราะรถติด) ก็ไม่ได้ไป คุณทานากะ(คนขับรถ) เค้าขอโทษด้วยที่ประเทศเค้ารถติดเลยทำให้เราไม่ได้ไปอีกที่นึง โฮกกกกกกกกกกก คนญี่ปุ่นน่ารักกกกกกกก
  • ถึงโรงแรมประมาณห้าทุ่มได้ คืนนี้เราพักกันที่ APA Hotel&Resort Tokyo Bay Makuhari

lobby ที่โรงแรม


ห้องที่เีรานอนเป็นแบบ Triple นอนสามคน


ห้องน้ำห้องท่า(สบู่,ยาสระผม,ครีมนวด ใช้ของซิเชโด้นะค้าาา ไม่กะโหลกกะลา)



มุมนี้กวาดกลับบ้านเรียบ 555


มีชา กาแฟ (เก็บกลับบ้านอีกนั่นแหละ)


มีเกิบด้วย

โรงแรมนี้มีออนเซนด้วยน๊่่่าาาาาาา วันนี้ไม่ไหวจริงๆ เพลีย เลยไม่ได้ไป คืนพรุ่งนี้ไม่พลาดแน่ ^~^ วันแรกกับวันที่สองหมดแรงมากๆเลย พรุ่งนี้เตรียมตัวตะลุยโตเกียว เพื่อช้อปปิ้งงงงงงง

ขอตัวไปนอนก่อนน๊าาาา ไว้วันที่ 3 จะตามมาติดๆจ้าาาา



ไม่มีความคิดเห็น: